
วันที่ 27 พฤษภาคม 2559 เวลา 13.00 น.พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลงข่าวแนวทางในการดำเนินการของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หลังพระธัมมชโยไม่มารับทราบข้อกล่าวหาตามกำหนดเวลา ณ ห้องรับรองชั้น 2 กระทรวงยุติธรรม
หลังจากพระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ไม่มามอบตัวกับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และรับของโจรภายในวันที่ 26 พฤษภาคม 2559 ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)เคยทำหนังสือแจ้งพระธัมมชโยเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2559
วันที่ 27 พฤษภาคม 2559 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ อัยการและที่ปรึกษาคดีพิเศษ ที่มีพ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นประธานที่ประชุม เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินการตามที่ศาลอาญาอนุมัติหมายจับพระธัมมชโย โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษยังไม่ได้ไปขออนุมัติศาลออกหมายค้นวัดพระธรรมกาย
จากนั้นในเวลา 13.00 น.พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ณ ห้องรับรองชั้น 2 กระทรวงยุติธรรม โดยพล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า หลังประชุมร่วมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.อ.ไพสิฐได้มารายงานให้ทราบถึงแนวทางในการดำเนินการของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หลังพระธัมมชโยไม่มามอบตัวดังนี้ 1. การจัดทำแผนตามหมายจับที่วัดพระธรรมกาย 2. ส่งหมายจับให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและตำรวจ หากพบเห็นสามารถจับได้ทันที ทั้งนี้ เพื่อขยายอำนาจหน้าที่ไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายให้ช่วยดำเนินการจับกุม 3. ให้กรมสอบส่วนคดีพิเศษทำหนังสือถึงฝ่ายปกครองสงฆ์ทุกระดับ รวมทั้งมหาเถรสมาคม (มส.) เพื่อชี้แจงให้ทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 4. ให้ใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 189 ดำเนินคดีแก่ผู้ที่ช่วยเหลือ หรือให้ที่พักพิงแก่ผู้ต้องหา และสุดท้าย เร่งรัดคดีให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์
“ยืนยันว่าไม่ใช้มาตรา 44 แต่จะใช้กฎหมายปกติทั่วไป เนื่องจากนายกรัฐมนตรีแสดงความเป็นห่วง เกรงว่าอาจจะเกิดการปะทะกับกลุ่มผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาพระธัมมชโยได้ ขณะนี้จึงกำชับให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายอย่างเคร่งครัด ก่อนการประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ผมบอกอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เราควรแจ้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองหรือหน่วยงานต้นสังกัดที่กำกับดูแลพระสงฆ์ด้วยหรือไม่ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษบอกว่า ทำได้ คือ เราไม่สามารถบังคับบัญชาองค์กรของสงฆ์ แต่ต้องแจ้งให้ต้นสังกัดทราบว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นกับสิ่งที่เขาปกครองอยู่ ผมเชื่อว่าองค์กรปกครองสงฆ์ คงไม่นิ่งนอนใจ นั่งดูเฉยๆ ส่วนการกำหนดเวลาเข้ามอบตัวภายในวันที่ 26 พฤษภาคม 2559 ไม่ถือว่าเป็นเส้นตาย แต่เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ต้องหาได้เตรียมการเข้ามอบตัว จริงๆศาลอนุมัติหมายจับเมื่อไหร่ เจ้าหน้าที่ก็สามารถดำเนินการจับกุมได้ทันที เพียงแต่อยากจะให้โอกาสได้พูดคุยกันก่อน” พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว
ดังนั้นในวันนี้ พ.ต.อ.ไพสิฐ จึงได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ทำหนังสือแจ้งเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี มหาเถรสมาคม (มส.) และผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช รับทราบว่า พระธัมมชโยตก เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาแล้ว ขอให้คณะสงฆ์ผู้ปกครองปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ด้วย
อนึ่ง หลังจากศาลอาญาอนุมัติหมายจับ “พระธัมมชโย” เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในข้อหาสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และรับของโจร วันที่ 18 พฤษภาคม 2559 ที่ประชุมพนักงานสอบสวน อัยการ และที่ปรึกษาคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดโอกาสให้พระธัมมชโย ตัดสินใจเข้ามอบตัว เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาที่กรมสอบสวนคดีพิเศษเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2559 ที่ผ่านมา
ปรากฏว่าเมื่อถึงกำหนดวันนัดหมาย พระธัมมชโยไม่มาตามนัด แต่มอบอำนาจให้นายสัมพันธ์ เสริมชีพ ทนายความวัดพระธรรมกาย มายื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษในเวลา 13.13 น. ขอให้ดีเอสไอส่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษเดินทางไปแจ้งข้อกล่าวหาที่สถานีตำรวจภูธรคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี (สภอ.คลองหลวง) เนื่องจากพระธัมมชโยอาพาธโดยคณะแพทย์ผู้ทำการรักษา ยืนยัน ให้หลีกเลี่ยงการเดินทาง เพราะอาจจะทำให้เกิดการสั่นสะเทือนของร่างกาย และมีความเสี่ยงทำให้ลิ่มเลือดไปอุดตันที่ขั้วปอด อาจมีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ จึงไม่สามารถเดินทางไปพบพนักงานสอบสวนที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ ขอให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษเดินทางมาแจ้งข้อกล่าวหาพระธัมมชโยที่สถานีตำรวจภูธรคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เวลา 14.30 น.
เวลา 14.00 น. มีพระและคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายประมาณ 500 คน เดินทางมาให้กำลังใจพระธัมมชโยที่ด้านหน้าสถานีตำรวจภูธรคลองหลวง ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามของวัดพระธรรมกาย ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เนื่องจาก พ.ต.ท. สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ท. ปกรณ์ สุชีวกุล ผู้บัญชาการสำนักคดีการเงินการธนาคาร และนายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 3 เดินทางมารอพระธัมมชโยเข้ามอบตัว
ถึงกำหนดเวลานัดหมาย 14.30 น. พระธัมมชโยยังไม่เดินทางมามอบตัว เวลา 16.00 น. คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจึงมอบหมายนายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 3 สำนักงานอัยการสูงสุด แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
นายขจรศักดิ์ เปิดเผยว่า วันนี้พนักงานสอบสวนเดินทางมาที่สถานีตำรวจภูธรคลองหลวง เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาพระธัมมชโยในเวลา 14.30 น. ตามหนังสือที่ทนายความวัดพระธรรมกายส่งถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษรอจนถึงเวลา 15.50 น. ได้รับแจ้งจาก ร.อ. นพ.อัจฉริยะ แพงมา หนึ่งในทีมแพทย์ผู้ทำการรักษาพระธัมมชโย ว่า วันนี้พระธัมมชโยจะไม่มาพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษแล้ว เนื่องจากมีอาการวิงเวียนศรีษะ บ้านหมุน (vertigo) ไม่สามารถเดินทางมาให้การได้ และไม่ประสงค์จะเดินทางเข้ารับการรักษาอาการอาพาธที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติด้วย ดังนั้น ในขั้นตอนต่อไป กรมสอบสวนคดีพิเศษจะเรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ, อัยการ และที่ปรึกษาคดีพิเศษ ในวันที่ 27 พฤษภาคม 2559 เวลา 10.00 น. เพื่อลงมติขออนุมัติศาลออกหมายค้น รวมทั้งการวางแผนเข้าจับกุม ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดต่อสื่อมวลชนได้

วันที่ 27 พฤษภาคม 2559 เวลา 16.00 น. พ.ต.ท. สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ซ้าย) พ.ต.ท. ปกรณ์ สุชีวกุล ผู้บัญชาการสำนักคดีการเงินการธนาคาร (ขวา) และนายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 3 (กลาง) แถลงข่าวพระธัมมชโยเข้ามอบตัว ณ ห้องประชุม สภอ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
“การเดินทางมาแจ้งข้อกล่าวหาพระธัมมชโยที่ สภอ.คลองหลวงวันนี้ ถือเป็นการให้เกียรติพระธัมมชโย ในฐานะที่ท่านเป็นพระชั้นผู้ใหญ่ กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ให้โอกาสท่านแล้ว หากวันนี้ท่านมามอบตัว ดีเอสไอก็พร้อมให้ท่านประกันตัวต่อสู้คดี เรื่องทุกอย่างก็จบ แต่ตอนนี้พระธัมมชโยไม่มามอบตัว ดีเอสไอก็ต้องขออนุมัติศาลออกหมายค้นเพื่อทำการจับกุม และถ้าหากทำการจับกุมได้ ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย เช่น หากมีการขัดขวาง ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ ก็ต้องดำเนินคดี ดีเอสไอไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เพราะรู้ดีว่าพระธัมมชโยมีพุทธศาสนิกชนจำนวนมากศรัทธา และไม่ต้องการให้เกิดความวุ่นวาย แต่ก็ต้องทำตามหน้าที่” นายขจรศักดิ์กล่าว
นายขจรศักดิ์ กล่าวอีกว่า ก่อนที่ดีเอสไอจะเดินทางมา สภอ.คลองหลวงได้รับแจ้งจากทนายความวัดพระธรรมกายและทีมแพทย์ผู้ทำการรักษาว่าพระธัมมชโยอาพาธ ต้องนำตัวไปรักษาอาการที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้แจ้งกับทนายความและทีมแพทย์ของวัดพระธรรมกายว่าจะตามไปแจ้งข้อกล่าวหาที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ซึ่งตามหลักสิทธิมนุษยชนของผู้ป่วย ดีเอสไอจะนำแพทย์จากโรงพยาบาลตำรวจ 3 คน ซึ่งเป็นอาจารย์แพทย์ที่เชี่ยวชาญทางด้านนี้ ไปตรวจอาการอาพาธระหว่างที่แจ้งข้อกล่าวหาในโรงพยาบาลด้วย ทางทีมทนายความของวัดจึงขอเปลี่ยนสถานที่แจ้งข้อกล่าวหาจากโรงพยาบาลเป็น สภอ.คลองหลวงแทน ซึ่งการแจ้งข้อกลาวหาใช้เวลาไม่นาน หากพระธัมมชโยอาการหนักจริง ก็ควรจะรักษาอาการอาพาธที่โรงพยาบาล
อ่านเพิ่มเติม: ซีรีย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น